นางปาริฉัตร์ สรรพมงคลไชย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กมลาไสย ไบโอ เพาเวอร์ 2010 จำกัด ทำหนังสือถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หลังจากในปี 2556 คณะกรรมการ กกพ. มีนโยบายการส่งเสริมการประกอบกิจการโรงไฟฟ้ารายใหม่ ในรูปแบบโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก Small Power Plant SPP และขนาดเล็กมาก VSPP โดยภาครัฐทำสัญญาและอนุญาตให้ขายไฟฟ้า โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลประเภทเดียวกันในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าเดิม เมื่อความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลเพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น เช่น แกลบ Rice Husk 500 บาท/ตัน เป็น 2,000 บาท/ตัน, ไม้ฟืน 500 บาท/ตัน เพิ่มเป็น 800 บาท/ตัน ทะลายปาล์ม 150 บาท/ตัน เพิ่มเป็น 300-350 บาท/ตัน ในปัจจุบัน รวมถึงต้นทุนการผลิตทั้งค่าใช้จ่าย ก่อสร้างโรงไฟฟ้า เครื่องจักรในระบบการผลิตไฟฟ้าค่าจ้าแรงงาน เงินกู้จากสถาบันการเงิน ทำให้ต้นสูงขึ้นเป็นเท่าตัวมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าได้จนต้องขอหยุดการประกอบกิจการในเวลาต่อมา
จากนั้น 25 มิถุนายน 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) เห็นชอบ ข้อเสนอการรับซื้อไฟฟ้ากรณีต่ออายุสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปลี่ยนรูปแบบจาก Adder เป็น Feed-in Tariff (FIT) ใหม่ในราคาหน่วยละ 2.28 บาท เป็นราคารับชื้อไฟฟ้าในราคาต่ำมาก ไม่สะท้อนต้นทุนทุนการผลิตที่แท้จริง ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าไม่สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้ภายใต้การรับซื้อในราคาเพียงเท่านี้ บริษัทเห็นว่า เมื่อประกาศคณะกรรม กกพ. เห็นชอบ โครงการผลิตไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในช่วงเปลี่ยนผ่านจากแบบ Adder เป็น Feed in Tariff(FIT)ภาครัฐควรพิจารณาต่ออายุสัญญา เพราะโรงไฟฟ้ายังคงมีอายุการใช้งาน 20 ปี ตามที่ออกแบบและศึกษาความเป็นไปได้
โรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก(VSPP) จึงขอคัดค้าน มติที่ประชุม กพช. (25 มิถุนายน 2567) กรณีรับซื้อไฟฟ้ากรณีต่ออายุสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เปลี่ยนรูปแบบจาก Adder เป็นFeed-in Taiff (FIT) ในราคาหน่วยละ 2.28 บาท ดังนี้ 1. ราคาค่าไฟฟ้า หน่วยละ 2.28 บาท เป็นอัตรารับซื้อไฟฟ้า ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ เพราะต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเฉลี่ย ในการผลิตไฟฟ้า 1 หน่วย สูงกว่า 2.28 บาท 2.การกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้า ในอัตราคงที่ ไม่ได้มีความแปรผันตามค่าเชื้อเพลิงชีวมวลแต่ละประเภทในแต่ละฤดู จึงเป็นราคาที่ไม่เหมาะสม
3. โรงไฟฟ้าแต่ละโรงยังคงมีศักยภาพ ผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เนื่องจากอายุของโรงงานยังเหลือยู่ หากต้องประกอบกิจการต่อไปโดยมีเงื่อนไขให้จำหน่ายไฟฟ้าได้เพียงราคาหน่วยละ 2.28 บาท ผู้ประกอบการต้องขาดทุนจนปิดกิจการทันที 4. กรณีโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลรายเดิมต้องเลิกกิจการไปจะเป็นการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก หากส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ ต้องลงทุนเพิ่ม 700 ล้านบาทต่อโรง และต้องใช้ ก่อสร้าง ทดสอบระบบ
บริษัท กมลาไสย ไบโอ เพาเวอร์ 2010 จำกัด (บริษัท) เป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก VSPP กำลังผลิต 9.9 เมกะวัตต์ ขายกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขนาด 8.00 เมกะวัตต์ ได้รับส่งเสริมให้ผู้ประกอบการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2550 ขายกระแสไฟฟ้าแบบ Adder การประกอบกิจการโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลที่เป็นวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร พื้นที่ใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้า เช่น แกลบจากโรงสีข้าว, เศษไม้จากโรงเลื่อย, ทะลายปาล์มเปล่าจากโรงหีบน้ำมันปาล์ม, ชานอ้อยจากโรงหีบ เพื่อนำมาเผาไหม้ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก(VSPP)