
กฟผ. จัดงานวันสิ่งแวดล้อม ชวนสังคมไทยตระหนักรู้การจัดการขยะ ชูแนวคิด “Ending Plastic Pollution” และโชว์โครงการนำร่องเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและสร้างรายได้ให้ชุมชน
วันที่ 5 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก (World Environment Day) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้จัดงานวันสิ่งแวดล้อม กฟผ. ประจำปี 2568 ขึ้น ณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง จ.นนทบุรี สร้างการตระหนักรู้การจัดการขยะ ชูแนวคิด “Ending Plastic Pollution” และโชว์โครงการนำร่องเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและสร้างรายได้ให้ชุมชน

นางรัดเกล้า พันธุ์อร่าม ผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมโครงการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานเปิดงานวันสิ่งแวดล้อม กฟผ. ประจำปี 2568 พร้อมเผยว่า กฟผ. ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการดำเนินภารกิจผลิตไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งเสริมให้สังคมรับรู้และตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะ โดยแต่ละปีไทยผลิตขยะมากกว่า 27 ล้านตัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งในจำนวนนี้เป็นขยะพลาสติกจากวิถีชีวิตและวิถีการบริโภคของประชาชนที่เน้นความสะดวกสบาย ส่งผลให้มีการบริโภคสินค้าที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง และตกค้างอยู่ในสิ่งแวดล้อม เป็นต้นทางของการเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ตามมา เช่น มลพิษทางอากาศจากการลุกไหม้ของบ่อขยะ การเกิดก๊าซมีเทนจากกองขยะที่ไม่ได้ฝังกลบอย่างถูกวิธี รวมถึงการทิ้งขยะพลาสติกลงในแม่น้ำและทะเล ทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ

การจัดงานในปีนี้ กฟผ. จัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เรื่องขยะ และกิจกรรม “Ending Plastic Talk” ร่วมแชร์ประสบการณ์โดยก้อง-ชณัฐ วุฒิวิกัยการ คอนเทนต์ครีเอเตอร์สายสิ่งแวดล้อม เจ้าของช่อง KongGreenGreen เพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องการลดการเกิดขยะ การเลือกใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถใช้ซ้ำ รีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การคัดแยกขยะตั้งแต่จุดกำเนิดเพื่อให้เหลือขยะที่ต้องกำจัดน้อยที่สุด รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับขยะพลาสติก ซึ่งที่ผ่านมา กฟผ. ได้รณรงค์ให้ผู้ปฏิบัติงานร่วมลดและจัดการขยะในพื้นที่ กฟผ. ให้ถูกวิธีอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด EGAT Zero Waste ลดปริมาณขยะทั่วไป เพื่อมุ่งสู่ Zero Waste Organization Sustainability

บรรยากาศภายในงานวันสิ่งแวดล้อม กฟผ. ประจำปี 2568 ได้มีการจัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่องขยะ ภายใต้แนวคิด Ending Plastic Pollution” เพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมจัดการขยะพลาสติกอย่างยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีของสังคมไทย และยังสื่อให้เห็นที่ผ่านมา กฟผ. ได้รณรงค์ให้ผู้ปฏิบัติงานร่วมลดและจัดการขยะในพื้นที่ กฟผ. ให้ถูกวิธีอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด EGAT Zero Waste ลดปริมาณขยะทั่วไป เพื่อมุ่งสู่ Zero Waste Organization Sustainability

ไฮไลต์ที่น่าสนใจภายในงานได้สร้างการตระหนักรู้การจัดการขยะให้กับผู้มาชมนิทรรศการ จากตัวเลขแนวโน้มของปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นถือว่าน่าเป็นห่วงไม่ใช่น้อย ในปี 2567 ประเทศไทยมีขยะมูลฝอยเกิดขึ้น 27.20 ล้านตัน ปัญหาหลักๆ มาจากการไม่คัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ถ้าแยกประเภทออกมาจะพบว่า มีขยะพลาสติกเพิ่มขึ้นถึงปีละ 2 ล้านตัน ซึ่งส่งผลให้เกิดการอุดตันของท่อระบายน้ำทำให้เกิดน้ำท่วม บางส่วนไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง และทะเล เกิดเป็นเศษขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทั่วโลก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกๆ คนที่จะต้องหันมาร่วมมือลดปริมาณขยะกันอย่างจริงจัง
หน่วยงาน กฟผ. ก็มีปัญหาเรื่องปริมาณขยะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เฉพาะพื้นที่สำนักงานใหญ่ ในปี 2567 มีขยะเกิดขึ้นกว่า 1,337,800 กิโลกลัม หรือคิดเป็น 5,067 กิโลกรัมต่อวัน การแสดงนิทรรศการภายในงานวันสิ่งแวดล้อม กฟผ. ชวนให้ติดตามแผนการจัดการขยะมูลฝอย กฟผ. ที่สำนักงานใญ่ ภายใต้แนวคิด Zero Waste ลดปริมาณทั่วไป เพื่อมุ่งสู่ Zero Waste Organization Sustainability

ในขั้นตอนแรกเริ่มแก้ปัญหาขยะตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือ การลดขยะตั้งแต่แหล่งกำเนิด ด้วยการหลีกเลี่ยงการสร้างขยะ ลดการใช้ทรัพยากรและการเกิดขยะ และมีการนำของกลับมาใช้ซ้ำด้วย
ขั้นตอนปลายทางมีการคัดแยกขยะที่เกิดขึ้นแล้ว หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และมีขยะเกิดขึ้นได้มีการบริหารจัดการขยะตามขั้นตอน อาทิ การหมุนเวียนเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบใหม่ มีถังสีเหลืองเอาไว้รองรับทั้งภายในและภายนอกอาคาร การนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิง มีถังสีเทาเอาไว้รองรับภายในอาคาร สำหรับขยะที่ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกจะถูกส่งไปกำจัดหรือฝังกลบ โดยมีถังมีน้ำเงินเอาไว้รองรับทั้งภายในและภายนอกอาคาร
ผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมาช่วงปี 2561-2567 กฟผ. สามารถลดขยะต้นทางได้ 0.3 ตัน ไม่ว่าจะเป็นถุงหิ้ว พลาสติก ตะกล้าใส่บาตร ถุงผ้า มีการส่งขยะไปจัดการอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะขยะอันตราย 1.3 ตัน อาทิ หลอดไ ถ่านไฟฉาย พาวเวอร์แบงก์ มีการนำขยะไปรีไซเคิลได้ 51.5 ตัน อาทิ กล่อง UHT พลาสติกยืด กระดาษ และได้ส่งขยะไปเป็นพลังงาน 122.4 ตัน ตามแผน กฟผ. ก้าวสู่ Zero Waste to Landfill

อีกไฮไลต์ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงาน นั่นคือ โครงการนำร่องด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างเศรษฐกิจสีเขียว มีจำนวน 8 โครงการด้วยกัน ได้แก่ 1.โครงการใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate :REC) เป็นการส่งเสริมการพัฒนาการผลิตและใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่ง กฟผ.ได้รับมอบหมายจาก The International REC Standard หรือ I-REC เป็นเพียงผู้เดียวในประเทศไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และดำเนินธุรกิจขาย REC จากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กฟผ.

2.โครงการนำร่อง Inlet Guide Vane optimization (Renewable Energy Certificate :REC) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า โดยใช้ Dynamic IGV Optimization เป็นวงจรควบคุม Inlet Guide Vane ที่ใช้ Machine Learning ปรับตำแหน่ง มุม IGV อัตโนมัติให้เหมาะสมกับกำลังการผลิตและอุณหภูมิแวดล้อมควบคุมอัตราส่วน Air-Fuel ในห้องเผาไหม้ของเครื่องกังหันก๊าซอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพการเผาไหม้สูงสุดตลอดเวลา ซึ่งได้มีการนำร่องใช้แล้วกับโรงไฟฟ้าน้ำพอง จ.ขอนแก่น
3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro-Floating Solar Hybrid Project) ดำเนินการในพื้นที่เขื่อนของ กฟผ. เป็นการทำงานร่วมกับ Hydro Power Plant ในลักษณะ Hybrid เพื่อบริหารจัดการน้ำ และเสริมด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โดยได้เปิดเชิงพาณิชย์แล้วที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี และเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และอยู่ระหว่างดำเนินการที่เขื่อนศรีนครินทร์,เขื่อนภูมิพล และเชื่อนวชิราลงกรณ์

4.โครงการจัดซื้อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) เป็นการสนับสนุนการใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งสินค้าที่เป็นพัสดุสำรองคลัง และพัสดุทั่วไป
5.โครงการพัฒนางานบัญชีการเงินและงบประมาณสู่การเป็นสำนักงานไร้กระดาษ (Paperless Office) เป็นการพัฒนาระบบงานมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานที่ใช้กระดาษ โดยใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น ใบแจ้งหนี้ ใบสำคัญทางการจ่ายเงิน และใบเสร็จรับเงิน เพื่อลดการจัดทำเอกสารทางบัญชีการเงินและงบประมาณในรูปแบบกระดาษ

6.โครงการนำลีโอนาร์โดต์ จากการทำเหมืองมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งลีโอนาร์โดต์ที่ว่านี้ก็คือ ชั้นดินปนถ่านหิน ผลพลอยได้จากากรทำเหมือง ในขั้นตอนการเปิดหน้าดินเพื่อขุดถ่านลิกไนต์ส่งโรงไฟฟ้า ลีโอนาร์โดต์ มีปริมาณอินทรียวัตถุสูง มีกรดฮิวมิคเป็นองค์ประกอบหลัก มีคุณสมบัติในการช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มความสามารถในการอุ้มน้ำ การระบายน้ำและถ่ายเทอากาศ เป็นแหล่งส่งอาหารของจุลินทรัย์ที่เป็นประโยชน์และเพิ่มความสามารถในการดูดซบธาตุอาหารช่วยในการเจริญเติบโตของพืช สามารถลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี ช่วงปี 2565-2567 กฟผ. ช่วยสร้างรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชน 125.9 ล้านบาท
7.โครงการนำเถ้าลอย เถ้าหนักยัปซัม จากโรงไฟฟ้าแม่เมาะกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทดแทนการฝังกลบ โดยใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ อาทิ อุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์ คอนกรีต และวัสดุก่อสร้าง วัสดุทดแทนไม้ ปุ๋ยและวัสดุปรับปรุงดิน

8.โครงการจัดการอุตสาหกรรมเพื่อมุ่งสู่ Zero Waste to Landfill เป็นการนำกากของเสียอุตสาหกรรมจากโรงไฟฟ้าไปใช้ประโยชน์ แทนการกำจัดด้วยวิธีการฝังกลบ หรือเผาทำลาย เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยดำเนินตการนำร่องที่โรงไฟฟ้าวังน้อย และฝ่ายปฏิบัติการภาคกลางลดปริมาณของเสียอุตสาหกรรมที่นำไปกำจัดด้วยวิธีการฝังกลบ หรือเผาทำลาย

ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ ณ ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. สำนักงานกลาง จ.นนทบุรีตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2568 (หยุดทุกวันจันทร์) และร่วมกิจกรรม Workshop สร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้ได้ทุกวันเสาร์ตลอดการจัดงาน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. โดยสามารถลงทะเบียนหน้างาน 1 ท่านต่อสิทธิ์ รวม 30 สิทธิ์ต่อวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2436 8953