Wednesday, 15 October 2025 - 1:18 am
spot_img
Wednesday, 15 October 2025 - 01:18
spot_img

“ทริส” คงอันดับเครดิต กฟผ. ดีที่สุด ที่ระดับ “AAA” สะท้อนบทบาทรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง

นางพัชรินทร์ รพีพรพงศ์ รองผู้ว่าการการเงินและบัญชี (CFO) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศผลการทบทวนการจัดอันดับเครดิตของ กฟผ. ประจำปี 2568 คงที่ระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับที่ดี่ที่สุด ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ คงที่ สะท้อนถึงบทบาทของ กฟผ. ในฐานะรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินกิจการบูรณาการกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ มีบทบาทสำคัญในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทย โดยเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าและดูแลความมั่นคงระบบส่งไฟฟ้าแรงสูงทั่วทั้งประเทศ รวมถึงมีสถานะทางการเงินและสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ เครดิตองค์การเป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในพันธบัตรของ กฟผ. แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงความมั่นคงทางการเงินขององค์การ แม้อุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง อันดับเครดิตในระดับ AAA ของ กฟผ. จะเป็นตัวยืนยันความแข็งแกร่ง สร้างความเชื่อมั่นทางด้านเครดิตให้แก่คู่ค้า โดย กฟผ. มีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศ พร้อมทั้งยังคงบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าและการดำเนินงานตามนโยบายด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า “ทริสเรทติ้ง” คาดว่า กฟผ. จะยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในธุรกิจพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศเอาไว้ได้จากการมีส่วนแบ่งการผลิตไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดและการ มีสถานะเป็นผู้ให้บริการระบบสายส่งไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคม 2568 ระบบไฟฟ้าของ กฟผ. มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม ทั้งสิ้นที่ขนาด 52,017 เมกะวัตต์ โดย กฟผ. เป็นเจ้าของและดำเนินงานโรงไฟฟ้าซึ่งมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 16,261 เมกะวัตต์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 31.3% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในระบบไฟฟ้าของ กฟผ. ส่วนกำลังการผลิตที่เหลืออีกจำนวน 35,757 เมกะวัตต์นั้นเป็นการรับซื้อจากผู้ผลิตไฟฟ้า เอกชนภายในประเทศในสัดส่วน 56.7% และนำเข้าจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และประเทศมาเลเซียอีก 12.0%

โดยไฟฟ้าที่จัดหามาได้นั้น กฟผ. จำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) (อันดับเครดิต “AAA/Stable”) ประมาณ 71% และจำหน่ายให้แก่การ ไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) (อันดับเครดิต “AAA/Stable”) อีก 27% โดยผ่านทางระบบสายส่งของประเทศ (National Grid) ซึ่ง กฟผ. เป็นเจ้าของและ เป็นผู้บริหารระบบดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว

ส่วนผลการดำเนินงานของ กฟผ. จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยในปี 2568 ซึ่งโดยหลัก ๆ เนื่องมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าของ กฟผ. ในไตรมาสแรกของปี 2568 ลดลง 7.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่ ซบเซาในภาคเศรษฐกิจโดยรวม ผลกำไรของ กฟผ. ได้รับผลกระทบจากการเรียกเงินคืนจำนวนมากถึง 1.1 หมื่นล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2568 ตามที่ กกพ. กำหนดเพื่อนำเงินไปสนับสนุนการรักษาเสถียรภาพค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าปลายทาง

ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งได้ปรับคาดการณ์ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ลดลง 3%-4% ในปี 2568 และหลังจากนั้นจะฟื้นตัว เล็กน้อยโดยจะเติบโตที่ระดับ 1%-2% ในช่วงปี 2569-2570 ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างปี 2568-2570 ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่า EBITDA ของ กฟผ. จะยังคง อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งระหว่าง 1.40-1.45 แสนล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ดี “ทริสเรทติ้ง” ประเมินว่าสถานะทางการเงินของ กฟผ. อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมากโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดที่ แข็งแรงและระดับหนี้สินที่คาดว่าจะลดลง ทริสเรทติ้งประมาณการว่าเงินลงทุนของ กฟผ. จะอยู่ที่จำนวนทั้งสิ้น 1.40 แสนล้านบาทในช่วงสามปี ข้างหน้าซึ่งต่ำกว่าสถิติในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่เดียวกัน ทริสเรทติ้งก็คาดว่า กฟผ. จะยังคงได้รับรายได้ Ft ค้างรับเพื่อชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงที่ กฟผ. แบกรับภาระไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน โดย กฟผ. จะนำเงินที่ได้จากรายได้ Ft ค้างรับนี้ไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ที่นำมาเสริมสภาพคล่อง ซึ่งจะทำให้ ภาระหนี้สินโดยรวมของ กฟผ. ลดลง ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2568 รายได้ Ft ค้างรับของ กฟผ. อยู่ที่ประมาณ 6.8 หมื่นล้านบาท ลดลงอย่างมากจาก ระดับสูงสุดที่ 1.5 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2565

ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดการณ์ว่าสัดส่วนโครงสร้างหนี้ของ กฟผ. น่าจะลดลง โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะลดลงเหลือประมาณ 2.0 เท่าภายในปี 2569-2570 จาก 2.5 เท่าในปี 2568 และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนก็มีแนวโน้มที่จะลดลงเหลือประมาณ 30%-36% อย่างไร ก็ตาม การได้รับคืนรายได้ Ft ค้างรับที่เหลือทั้งหมดนั้นยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อความล่าช้าเนื่องจากอัตรา Ft ในปัจจุบันได้รับการกำหนดให้อยู่ ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งมีแนวโน้มว่าการเก็บรายได้ Ft ค้างรับจะช้าลง

ทางด้านสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของ กฟผ. มีปัจจัยสนับสนุนจากการมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่จำนวน 1.58 แสนล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2568 ผนวกกับเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่จำนวน 9.2 หมื่นล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ แหล่งสภาพคล่องโดยรวม ดังกล่าวมีเพียงพอที่จะรองรับภาระหนี้ระยะสั้นและภาระผูกพันตามสัญญาเช่าการเงินรวมทั้งสิ้นจำนวน 6.32 หมื่นล้านบาทของ กฟผ. ได้

LATEST NEWS