
โครงการ “ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา” ครั้งที่ 58 นำผู้เข้าร่วมโครงการ ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ณ อุทยานเรียนรู้เพ ลา เพลิน ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมเปลี่ยนโลก สร้างคุณค่าจากสิ่งที่ไร้ราคา” นวัตกรรมที่เกิดจากการไม่ปล่อยสิ่งเหลือทิ้งให้ไร้ประโยชน์ สะท้อนแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า คิดอย่างเป็นระบบ พัฒนาอย่างประหยัด และต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของชุมชน

ครั้งนี้ โครงการพาผู้เข้าร่วมไปสัมผัสนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ โดยเฉพาะงานวิจัยและการพัฒนาวัสดุก่อสร้างจาก “ต้นกัญชง” หรือ “Hempcrete” นวัตกรรมการนำแกนต้นกัญชง ซึ่งเป็นวัสดุเหลือจากการเก็บเกี่ยวมาพัฒนาเป็นวัสดุก่อสร้างทดแทนปูนซีเมนต์ โดยผสมกับปูนขาวและน้ำ เกิดเป็นคอนกรีตที่มีคุณสมบัติเบา แข็งแรง ระบายอากาศดี และช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมาก ผู้เข้าร่วมได้ลงพื้นที่ชมบ้านต้นแบบที่สร้างด้วย Hempcrete ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “ของที่ดูไร้ค่า” หากได้รับการคิดใหม่และพัฒนาอย่างเป็นระบบ ก็สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้ชุมชน และเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว แนวคิดนี้สะท้อนหลัก “ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า” ตามศาสตร์พระราชา ที่ให้ความสำคัญกับการต่อยอดสิ่งที่มี เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดอย่างยั่งยืน

คุณวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ศาสตร์พระราชาสอนเราเสมอว่า ทุกสิ่งมีคุณค่า หากเราใช้ปัญญามองให้ลึกและคิดให้ไกล การนำวัสดุเหลือใช้หรือสิ่งที่เคยมองว่าไม่มีราคา มาต่อยอดเป็นนวัตกรรม เป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะเรากำลังสร้างคุณค่าใหม่ให้ทรัพยากร ช่วยสิ่งแวดล้อม และสร้างอาชีพให้ชุมชนไปพร้อมกัน”

ถัดจากการเรียนรู้วัสดุก่อสร้างทางเลือก คณะผู้เข้าร่วมได้ศึกษานวัตกรรมเกษตรมูลค่าสูงอย่าง “วาซาบิ” ซึ่งเพ ลา เพลิน พัฒนาระบบการปลูกภายใต้สภาพแวดล้อมควบคุมอย่างพิถีพิถัน พืชที่หลายคนคิดว่า “ปลูกไม่ได้ในไทย” กลับเติบโตได้ด้วยองค์ความรู้ด้านเกษตรศาสตร์ เทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิ และการจัดการน้ำอย่างแม่นยำ แนวคิดนี้สอดคล้องกับแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงริเริ่ม “โครงการหลวงดอยอ่างขาง” ให้เป็นพื้นที่ทดลองปลูกพืชเมืองหนาว เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ลูกพลับ แมคคาเดเมียรวมถึงการเลี้ยงปลาเทราต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่า “เป็นไปไม่ได้ในประเทศไทย” แต่กลับประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเศรษฐกิจบนฐานความรู้ การปลูกวาซาบิที่เพ ลา เพลิน จึงเป็นตัวอย่างร่วมสมัยของแนวคิดเดียวกันการใช้ “ความรู้” และ “การจัดการอย่างถูกต้อง” มาเปลี่ยนข้อจำกัดให้เป็นโอกาส เพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร และสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างมั่นคง สะท้อนหัวใจของศาสตร์พระราชาที่ว่า การพัฒนาที่แท้จริงต้องเริ่มจากการเข้าใจธรรมชาติ ใช้เหตุผลเป็นฐาน และมุ่งสร้างความยั่งยืนในระยะยาว

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม โดยคณะได้จัดกิจกรรม การปล่อยปลาไถ่ชีวิตเป็นมหาทาน และการมอบชุดหนังสือจากโครงการ “อมรินทร์อาสาอ่านพลิกชีวิต” ให้กับโรงเรียนบ้านโสกแต้ เพื่อเสริมโอกาสด้านการอ่านและการเรียนรู้ให้กับเยาวชนในพื้นที่ ตอกย้ำบทบาทของโครงการที่มุ่งสร้าง “ความยั่งยืนทางปัญญา” เคียงคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ทางโครงการยังจัดให้มีการสัมมนาและเวิร์คช็อปเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาร่วมแบ่งปันความรู้ อาทิ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี และอาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม ที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ผู้คิดค้นนวัตกรรมสื่อการสอนสำหรับเยาวชนในศตวรรษที่ 21 หรือ Interactive Board Game หนึ่งเดียวในโลก เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2030

โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย มูลนิธิธรรมดี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงวัฒนธรรม คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สถาบันเสริมสร้างขีดความสามารถมนุษย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานบุรีรัมย์
ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งต่อไปสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊ก: ตามรอยพระราชา-The King’s Journey โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรซึ่งสามารถนาไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการต่ออายุใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาจากคุรุสภาได้


