Tuesday, 9 December 2025 - 4:56 am
spot_img
Tuesday, 9 December 2025 - 04:56
spot_img

เผยผู้สูงอายุเกิน 60 ปีทั่วโลก ทะลุ 2,100 ล้านคน ระบบบำนาญชราภาพสั่นคลอนหากไม่ขยายอายุเกษียณ สร้างไทยเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์และกิจการดูแลผู้สูงวัย

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลวิจัยของสหประชาชาติพบว่า ในอีก 25 ปีข้างหน้าในปี ค.ศ. 2050 ประชากรโลกที่มีอายุเกิน 60 ปีจะทะลุ 2,100 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 4 ของประชากรโลก ระบบบำนาญชราภาพของหลายประเทศทั่วโลกจะประสบปัญหาความยั่งยืนทางการเงิน มีความจำเป็นต้องมีการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพเพื่อให้เกิดเสถียรภาพของระบบ ขณะที่สถานการณ์สังคมสูงวัยในไทยนั้นหนักกว่าสถานการณ์ของโลกโดยรวม สัดส่วนของประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในไม่กี่ปีข้างหน้า ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างแรงงานและทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ประชากรวัยทำงานที่ลดลง เกิดภาวะการขาดแคลนแรงงาน ต้องอาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นอีก พร้อมกับอัตราส่วนพึ่งพิงผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.7 ในปี 2537 เป็นร้อยละ 31.1 ในปี 2567 ซึ่งหมายความว่าประชากรในวัยทำงานทุก ๆ 100 คน จะต้องแบกรับภาระในการดูแลผู้สูงอายุถึง 31 คน

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างประชากรสูงวัยของโลกทำให้เกิดโอกาสทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทยเช่นเดียวกัน ประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์และกิจการดูแลผู้สูงวัยได้ และจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญในอนาคต แต่การพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางบริการทางการแพทย์และกิจการดูแลผู้สูงวัยดังกล่าวต้องอยู่บนพื้นฐานที่สังคมไทยต้องจัดระบบสวัสดิการสำหรับผู้สูงวัยในประเทศให้มีความเพียงพอและมีคุณภาพไปด้วยในขณะเดียวกัน  

รศ. ดร. อนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า จากแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์มหภาควิจัยข้อมูลระหว่างประเทศ (Cross Country) หลายงานวิจัยได้ข้อสรุปว่า สถานะสุขภาพของประชากรเป็นตัวแปรที่สำคัญในการอธิบายความแตกต่างของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลของการประมาณการที่สำคัญระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดที่เพิ่มร้อยละ 10 ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3-0.4 ต่อปี ประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดสูงสุด (77 ปี) มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศที่มีอายุขัยเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดต่ำสุด (49 ปี) ถึงร้อยละ 1.6 ต่อปี ความแตกต่างนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ผ่านไป การลงทุนในสุขภาพและบริการทางแพทย์ให้กับประชาชนจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ แม้นประชากรสูงวัยแต่มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว ก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Longevity Economy อันจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ธุรกิจ กิจการและการจ้างงานใหม่ๆเพื่อตอบสนองต่อลักษณะของเศรษฐกิจดังกล่าว  

การปฏิรูปโครงสร้างทางสถาบันเศรษฐกิจและระบบสวัสดิการให้เหมาะสมกับโครงสร้างประชากรสังคมสูงวัยของไทยมีความสำคัญมากกว่ามาตรการ หรือนโยบายประชานิยมที่อาจช่วยเพียงบรรเทาปัญหาเท่านั้น การปฏิรูประบบการออมโดยเฉพาะการออมแบบบังคับเพื่อรองรับความชราภาพของสังคมไทยจำเป็นต้องให้สอดคล้องกับความพร้อมทางการเงินการคลัง ระบบสวัสดิการชราภาพของประเทศอีกด้วย การบูรณาการระบบสวัสดิการสังคม สวัสดิการชราภาพที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น จะทำให้เกิดการแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนในระยะยาวมากกว่า เช่น การขยายฐานสมาชิกมาตรา 40 ของกองทุนประกันสังคม โดยจ่ายเงิน 100-300 บาทต่อเดือนก็จะได้รับความคุ้มครองกรณีชราภาพด้วย ส่วนการมีนโยบายขยายเวลาเกษียณอายุทำงานภาคเอกชนเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้สำหรับสังคมไทยที่เข้าสู่สังคมชราภาพอย่างรวดเร็ว 

การพัฒนาระบบสวัสดิการสำหรับคนทุกช่วงวัยพร้อมสร้างระบบการออมหลังเกษียณจะเป็นแนวทางที่แก้ปัญหาความยากจนในวัยเกษียณได้อย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากกว่ามาตรการให้ความช่วยเหลือแบบสังคมสงเคราะห์เป็นครั้งคราว การพัฒนาระบบสวัสดิการสำหรับคนทุกช่วงวัยนั้นต้องอยู่บนรูปแบบสวัสดิการที่มาจาก 4 ฐาน คือ สวัสดิการจากฐานทรัพยากรธรรมชาติ ต้องให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างเสมอภาคกัน สวัสดิการจากฐานชีวิตวัฒนธรรมในการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชน สวัสดิการจากฐานประกัน เช่น ระบบประกันสังคม การสร้างระบบการออมและการประกันการมีรายได้เมื่อเกษียณอายุการทำงานหรือชราภาพ สวัสดิการจากฐานสิทธิ นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้มีการพัฒนาระบบค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเดือนขั้นต่ำที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ควรส่งเสริมศักยภาพแรงงานในการมีส่วนร่วมพัฒนาระบบสวัสดิการ การยกระดับและขยายขอบเขตของสวัสดิการสำหรับแรงงานทุกกลุ่ม ส่งเสริมให้แรงงานลูกจ้างสามารถรวมกลุ่มเป็นสหภาพแรงงาน เป็นต้น 

รศ. ดร. อนุสรณ์  กล่าวต่อว่า การพัฒนาระบบสวัสดิการสำหรับคนทุกช่วงวัยพร้อมกับการเพิ่มการออมสำหรับเกษียณอายุจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในคุณภาพชีวิตของประชาชนและสังคมโดยรวม การมีเงินออมสำหรับวัยชราภาพจะช่วยลดภาระทางการคลังของรัฐ ภาระทางการเงินที่ลดลงของภาครัฐและประชาชนจะทำให้มีเงินมากขึ้นในการลงทุนทางด้านการศึกษาและสุขภาพ การลงทุนดังกล่าวจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว สัดส่วนการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนทางด้านศึกษาและสุขภาพเทียบกับจีดีพีมากเท่าไหร่ เราก็จะได้คุณภาพทรัพยากรมนุษย์ที่ดีขึ้นอันเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตในระยะยาว

D.W. Dunlop ได้ทำการศึกษาวิจัยและพบว่า ระดับสุขภาพเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนในโภชนาการ การลงทุนในการศึกษาและการลดมลพิษ ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศลดลง กรณีประเทศมีผลิตภาพของแรงงานต่ำเนื่องจากระดับสุขภาพต่ำ ส่งผลให้มีรายได้น้อยและค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพน้อยตามไปด้วย

C.E. Phelps ได้ทำการศึกษาวิจัยและพบว่า รายได้ต่อหัวของประชากรที่เพิ่มขึ้นทำให้ประชาชนมีอำนาจในการซื้อบริการสุขภาพมากขึ้นย่อมส่งผลให้ระดับสุขภาพดีขึ้นด้วย ประชาชนใช้รายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้นเพื่อการศึกษาที่สูงขึ้น ระดับการศึกษาที่สูงขึ้นนำมาสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ประชาชนที่มีระดับรายได้สูงขึ้นเสริมสร้างสุขภาพของตนเองให้ดีขึ้นได้ด้วยการบริหารจัดการกับชีวิตตัวเองให้เหมาะสม สุขภาพที่ดีขึ้น การศึกษาที่ดีขึ้น ก็นำมาสู่รายได้ที่มากขึ้นอีกในอนาคต

spot_img

LATEST NEWS