“ดร.จิราพร ศิริคำ” ซีอีโอคนใหม่ EGCO Group โชว์วิสัยทัศน์ เสริมศักยภาพ เพิ่มโอกาส เพื่อการเติบโตของ EGCO Group อย่างยั่งยืน” เดินหน้าสานต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจ “Cleaner, Smarter and Stronger to Drive Sustainable Growth” มุ่งผลักดัน 3 เป้าหมายสำคัญ เพิ่มกำลังผลิตใหม่ควบคู่กับการบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพ สร้างรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนใจประมูลไฟฟ้าสีเขียวในแผน PDP2024
ซีอีโอ EGCO Group ยังเดินหน้าเต็มสูบเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว จ.ระยอง บนพื้นที่ 609 ไร่ เจาะกลุ่มลูกค้าเทคโนโลยีชั้นสูง นวัตกรรม โรงงานการวิจัยและพัฒนา รวมถึงธุรกิจ Data Center ที่ต้องการไฟฟ้าสีเขียว ทุ่มกว่า 100 ล้านบาทลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจะเปิดให้เอกชนจองพื้นที่ได้ช่วงต้นปี 2568
ดร.จิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group เปิดเผยว่า ในโอกาสได้ทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group มีความมุ่งมั่นในการเสริมศักยภาพและสร้างโอกาสให้ EGCO Group เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการผลักดันเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน นั่นคือ การเพิ่มกำลังผลิตใหม่ (Capacity / Portfolio) ทั้งกำลังผลิตจากโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน รวมทั้งการบริหาร Portfolio ให้มีประสิทธิภาพ สร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลถึงการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น (Dividend) และการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท (Credit Rating) ตามมา ควบคู่กับการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม (Green) ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคม ตามกรอบ ESG ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้ผู้มีส่วนได้เสียและอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน”
ในขณะเดียวกัน ก็พร้อมเดินหน้าสานต่อการดำเนินธุรกิจของ EGCO Group ตามทิศทาง “Cleaner, Smarter and Stronger to drive sustainable growth” โดย Cleaner มุ่งเน้นปรับปรุงโรงไฟฟ้าพลังงานหลักให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ใช้ไฮโดรเจนหรือแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงผสมในการผลิตไฟฟ้า ศึกษาและใช้เทคโนโลยี CCS หรือ CCUS เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดใน Portfolio เพื่อบรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573
นอกจากนี้ Smarter ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า โดยลงทุนและเดินเครื่องโรงไฟฟ้าคุณภาพสูงที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง พร้อมกับการแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องที่เติบโตสูง เพื่อให้ทันต่อเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยต้องมี Stronger ด้วยการผนึกกำลังกับพันธมิตรเพื่อขยายและต่อยอดการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่ง EGCO Group มีความได้เปรียบจากการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งใน 8 ประเทศ ที่มีฐานทางธุรกิจอยู่แล้ว พร้อมทั้งการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพลังงานในเยาวชนผ่านศูนย์เรียนรู้โรงไฟฟ้าขนอม ตลอดจนการร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำและทรัพยากรธรรมชาติผ่านการดำเนินงานของมูลนิธิไทยรักษ์ป่า
สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2567 ยังขับเคลื่อนภายใต้กลยุทธ์ “4S” โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในโครงการที่มีคุณภาพสูงและมีผลตอบแทนที่ดี (Select high quality projects) และการเร่งรัดบริหารโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผนงาน (Speed up projects under construction) เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้ EGCO Group เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเร่งรัดการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน มีความก้าวหน้าตามแผนงานเป็นลำดับ ปัจจุบันได้ติดตั้งเสากังหัน (Monopiles) แล้วเสร็จรวม 74 ต้น ซึ่งได้ติดตั้งกังหันลม (Wind Turbine Generators – WTGs) เสร็จเรียบร้อยแล้ว 50 ต้น และเชื่อมั่นว่าจะสามารถก่อสร้างเสร็จครบ 80 ต้น กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผนที่กำหนด
ดร.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินงาน 6 เดือนหลัง มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ EGCO Group โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังผลิตใหม่และการสร้างรายได้และกำไร ได้แก่ การรับรู้รายได้จากการทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบของโครงการ Yunlin การรับรู้รายได้ของ APEX ในสหรัฐอเมริกา จากการขายโครงการและจาก 7 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งมีแผนจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2567 การรับรู้รายได้จากการลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย และ กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass ในสหรัฐอเมริกา ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Paju ES ในเกาหลีใต้ ซึ่งสามารถทำกำไรได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสปิดดีลโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ในรูปแบบ M&A ทั้งโรงไฟฟ้า Conventional และ Renewable ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ทันที รวมทั้งโอกาสในการเจรจาสัญญาใหม่ของโรงไฟฟ้า Quezon ในฟิลิปปินส์ โดยอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดสัญญา ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2567
นอกจากนั้น การลงทุนใน CDI ในอินโดนีเซีย มีความร่วมมือที่ก้าวหน้า โดยมีแผนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและสนับสนุนพันธกิจในการพัฒนาพลังงานสีเขียว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ บนทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และโครงการแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังผลิตรวม 35 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 และจะทยอยแล้วเสร็จและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์บางส่วน ภายในปี 2568 นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการแสวงหาโอกาสในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ตลอดจนศึกษาเพื่อเตรียมขยายกำลังผลิตของโรงไฟฟ้า KPE เพื่อรองรับโรงงานแห่งใหม่ในนิคมอุตสาหกรรม Krakatau Posco
ที่น่าสนใจ EGCO Group อยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรเพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง บนพื้นที่ 609 ไร่ ให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะสีเขียว โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเทคโนโลยีชั้นสูง นวัตกรรม โรงงานการวิจัยและพัฒนา รวมถึง Data Center ที่ต้องการไฟฟ้าสีเขียว เบื้องต้นจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้เอกชนจองพื้นที่หรือเปิดดำเนินการได้ในช่วงต้นปี 2568
“ในขณะเดียวกัน EGCO Group มีความพร้อมในการเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนในประเทศ กำลังผลิตประมาณ 3,600 เมกะวัตต์ ส่วนขยายที่ภาครัฐจะเปิดเพิ่มเติมในรอบที่ 2 รวมถึงการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ภายใต้ร่างแผน PDP 2024 ตลอดจนยังได้ศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการขายไฟฟ้าตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) ในอนาคตด้วย” ดร.จิราพร กล่าทิ้งท้าย