Saturday, 23 November 2024 - 7:13 am
spot_img
Saturday, 23 November 2024 - 07:13
spot_img

SPRC เปิดบ้านโชว์แผนธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน หลังควบรวม “คาลเท็กซ์” รับยุคการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

เปิดแผนธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน SPRC ยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานภายใต้วิสัยทัศน์ “ครอบครัวแห่งความห่วงใย” ยกเครื่องการผลิตน้ำมันรูปแบบใหม่ พร้อมสยายปีกสู่การลงทุนผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก และไฮโดรเจน เผยอานิสงส์จากการควบรวมปั๊มน้ำมัน “คาลเท็กซ์” มูลค่าธุรกิจพุ่ง 16 ล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี ขยายปั๊มครบ 800 สถานี

ผ่านมากว่า 32 ปีแล้วที่โรงกลั่นน้ำมัน SPRC ของ “สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง” เปิดดำเนินธุรกิจกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมอยู่เคียงคู่กับสังคมไทยเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่มีหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (complex crude oil refinery) ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงกลั่นน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยกำลังการผลิตสูงถึง 175,000 บาร์เรลต่อวัน ควบคู่กับการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพยอดเยี่ยม ทั้งการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมคุณภาพสูงหลากหลายประเภท สำหรับใช้ภายในประเทศ 90% และส่งออกไปยังต่างประเทศ 10%

ในปี 2567 โรงกลั่นน้ำมัน SPRC ได้เปิดมิติใหม่ในการดำเนินธุรกิจสู่สายตาสาธารณะชนมากขึ้น ด้วยการเปิดบ้านโรงกลั่นที่มีมายาวนานให้สื่อมวลชนเยี่ยมชมทั้งศูนย์การควบคุมการกลั่นน้ำมัน พื้นที่โรงกลั่นน้ำมัน และพื้นที่บริเวณถักกักเก็บน้ำมันประเภทต่างๆ ซึ่งปัจจุบัน SPRC มีผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด อาทิ โพรพิลีนเกรดโพลีเมอร์ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเตา และยางมะตอย  โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์และพันธกิจ “ครอบครัวแห่งความห่วงใย ร่วมสร้างพลังเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของเรา”

SPRC เรามองภาพกว้างขึ้นนอกจากดูแลให้ความห่วงใยพนักงาน 600 คน ผู้รับเหมา 1,600 คน แล้ว เรายังมีครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นอีกที่จะต้องใส่ใจดูแลความห่วงใยที่เป็น DNA ของเรา ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ ลูกค้า ชุมชน เพราะทุกสเต็กโฮลเดอร์ของ SPRC คือ ครอบครัวของเรา” นางสาวเชาวศรี เหลืองรัตนากร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกลยุทธ์ นโยบาย และพัฒนาธุรกิจ SPRC เกริ่นนำถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจ

นางสาวเชาวศรี บอกด้วยว่า  SPRC ได้ตระหนักถึงการขับเคลื่อนความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศไทย ด้วยการมุ่งสู่การทิศทางการผลิตพลังงานในอนาคตทุกรูปแบบ แตกต่างจากที่ผ่านมา SPRC จะดำเนินธุรกิจผลิตน้ำมันเบนซิน และดีเซลป้อนให้กับตลาดเท่านั้น ซึ่งสอดคล้องกับยุคการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อให้ธุรกิจแข่งขันได้และเติบโตต่อเนื่อง

“ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันมีเกิดขึ้นและเลิกกิจการไปตลอดเวลา เพราะไม่สามารถแข่งขันได้ SPRC จึงต้องทำโรงกลั่นให้มีประสิทธิภาพด้วยการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งในปี 2026 โรงกลั่น SPRC ได้วางแผนปรับเปลี่ยนขั้นตอนการผลิตน้ำมันเพื่อเพิ่มมูลค่าโปรดักซ์และจัดหาน้ำมันดิบราคาถูกมาเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นด้วย”

นอกจากนี้ SPRC ยังมองเห็นช่องทางเติบโตธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงกลั่น นั่นคือการผลิตน้ำมันจากขยะพลาสติก เพื่อป้อนให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องการดูแลสิ่งแวดล้อมตามกระแสโลก รวมถึงทางเชฟรอนฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้มีการศึกษาและวิจัยเพื่อสร้างโอกาสในการผลิตกรีนไฮโดรเจนด้วย

นางสาวเชาวศรี กล่าวด้วยว่า เมื่อเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นอีกก้าวในการเติบโตของ SPRC โดยการเข้าซื้อธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด ภายใต้แบรนด์ “คาลเท็กซ์” ซึ่งอยู่เคียงคู่กับประเทศไทยมายาวนานกว่า 75 ปี ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างโอกาสการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกับการขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ด้านห่วงโซ่ เป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น เติมเต็มประสบการณ์ลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์น้ำมันคาลเท็กซ์ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและจุดยืนที่แข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและระดับภูมิภาค ทำให้การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรก 2567 ที่ผ่านมา สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจหลังการควบรวม (cost optimization) คิดเป็นมูลค่า 15.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์คาลเท็กซ์จะปรับรูปแบบธุรกิจใหม่ให้ระยะสั้นลงจากเดิมเป็นแบบธุรกิจไปสู่ธุรกิจเปลี่ยนเป็นธุรกิจไปสู่ผู้บริโภคให้มากขึ้นผ่านสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งจะทำให้เป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นมีความผูกพันในระยะยาว ซึ่งตอนนี้คาลเท็กซ์มีสถานีบริการน้ำมันอยู่จำนวน 528 แห่ง และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 800 แห่ง ภายในระยะเวลา 5 ปี

ทั้งนี้ SPRC ยังคงพร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยวิสัยทัศน์และพันธกิจ “ครอบครัวแห่งความห่วงใย ร่วมสร้างพลังเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของเรา” โดยให้ความสำคัญในการดูแลพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชน และพันธมิตรทางธุรกิจ ผ่านแผนระยะยาวประกอบไปด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การเพิ่มศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กร ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ การศึกษาโอกาสในการลงทุนเพื่อการเติบโตทางธุรกิจ วัฒนธรรมองค์กร โดยมีปัจจัยในการดำเนินงานอย่างปลอดภัย เชื่อถือได้ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นรากฐานที่สำคัญ SPRC มุ่งมั่นด้าน ESG และการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น โดยเราได้มีส่วนร่วมในโครงการ “Foster Future Forests” เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในจังหวัดระยอง

“SPRC พร้อมที่จะขับเคลื่อนอนาคตของเราต่อไป ภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่การรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงการเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจและสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง” นางสาวเชาวศรี กล่าวทิ้งท้าย

LATEST NEWS